วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การโพสต์วีดีโอ และ การใช้ครีเอทีฟ คอมมอนด์

                         
 แว่นราคาแพงเท่าไหร่ก็ตามการโฆษณาจะดีเท่าไหรก็ตาม ก็พังเหมือนกันหใดของดิฉันซื้อแว่นยี่ห้อนึงมาเกือบหมื่นบาทแต่ก็พัง มาใช้อันละไม่ถึงพัน อายุการใช้งานใช้ได้เหมือนกัน แบะถ้าเอาเงินที่ซื้อ เกือบหมื่นมาซื้ออันถูกๆได้ตั้ง เกือบ10 อัน เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่ไม่รักษาของแบบดิฉันนะคะ

หน้าหรือตูด

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
เลนส์แพงกว่าแว่น โดย พลอย อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา 4.0 International.

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แนะนำตัวเองนะจ๊ะ

ชื่อ จันทกาญจน์ สุพรรณเภสัช
ชื่อเล่น พลอย
ส่วนสูง 160 นน.อธิบายยาก คิคิ
มีพี่น้อง 3คน พลอย พรีม เพริท ปัจจุบันศึกษาทั้งสามคน

การศึกษา -ระดับประถมศึกษา-มัธยมตอนต้น โรงเรียนชลประทานวิทยา
                 -ระดับมัธยมปลาย โรงเรียนเบญจมราชานุสรณ์
ปัจจุบัน สาขาสื่อสารการตลาด ชั้นปีที่ 4


นิสัยใจคอ ร่าเริง กินง่าย หลับง่าย พูดมาก
ความชอบ ชอบกิน ชอบเดินตลาดนัด ชอบสังคม ชอบคนยิ้ม 
ความสามารถพิเศษ เล่นเปียโน พูดคนเดียว

สวัสดีคะ ไม่อยากติดเอฟ จุฟๆจาร

ส่วนประสมหลักของไอศครีมกะทิสด

ในประเทศไทยนั้น ไอศกรีมเริ่มเข้ามาในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมตะวันตกที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำมาเผยแพร่ในสยาม หลังเสร็จประพาสอินเดีย, ชวาและสิงคโปร์ น้ำแข็งในตอนแรก ๆ ก็ยังไม่สามารถผลิตในประเทศได้ จึงต้องนำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อไทยสั่งเครื่องทำน้ำแข็งเข้ามาก็เริ่มมีการทำไอศกรีมกินกันมากขึ้น ถือว่าไอศกรีมเป็นของเสวยเฉพาะสำหรับเจ้าขุนมูลนายเท่านั้น ซึ่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพบันทึกไว้ว่า
ไอศกรีมเป็นของที่วิเศษในเวลานั้น เพราะเพิ่งได้เครื่องทำน้ำแข็งอย่างเล็กที่เขาทำกันตามบ้านเข้ามา ทำบางวันน้ำก็แข็งบางวันก็ไม่แข็ง มีไอศกรีมบ้างบางวันก็ไม่มี จึงเห็นเป็นของวิเศษ
โดยไอศกรีมในพระราชวังนั้นจะทำจากน้ำมะพร้าวอ่อน ใส่เม็ดมะขามคั่ว จนต่อมาเมื่อมีโรงงานทำน้ำแข็ง แต่ก็ยังถือเป็นของชั้นดี โดยมีไอศกรีมระดับชาวบ้านทำเองด้วย ในช่วงแรก ๆ นั้นไอศกรีมกะทิมีลักษณะเป็นน้ำแข็งละเอียดใส ๆ รสหวานไม่มาก และมีกลิ่นหอมของดอกนมแมว ในสมัยนั้นวิถีการกินของผู้คนจะนิยมกินอาหารกันในเรือนแพ เหมือนที่สมัยนั้นจะขายก๋วยเตี๋ยว หรือกาแฟกันบนเรือ
ลักษณะของไอศกรีมกะทิใส่ถ้วยพร้อมโรยด้วยถั่วลิสงคั่วก็มีมาตั้งแต่สมัยนั้น ซึ่งต่อมาไอศกรีมกะทิก็มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้น จากกะทิใส ๆ ก็มีความเข้มข้น มีการใส่ลอดช่อง, เม็ดแมงลัก และขนุนฉีกเข้าไป โดยคนไทยได้ดัดแปลงไอศกรีมของต่างชาติมาเป็นไอติมกะทิ โดยใช้กะทิสดผสมกับน้ำตาลนำไปปั่นให้แข็ง เนื้อไอติมค่อนข้างใสเป็นเกล็ดน้ำแข็งละเอียด เวลารับประทานต้องขูดไอติมออกจากขอบหม้อโลหะเมื่อไอติมเริ่มแข็งตัว ตอนขายตักใส่ถ้วยเป็นลูก ๆ เรียกไอติมตัก กินกับถั่ว ข้าวเหนียว หรือลูกชิด บางคนกินกับขนมปังที่หั่นเป็นท่อน และมีรอยแยกเป็นร่องอยู่ตรงกลาง
ส่วน ไอศกรีมหลอด หรือไอศกรีมแท่งก็เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 โดยใช้น้ำหวานใส่หลอดสังกะสีและเขย่าให้แข็ง และมีก้านไม้เสียบ โดยจะใส่ถังขับไปขายตามถนน สั่นกระดิ่งเป็นสัญญาณเพื่อเรียกลูกค้า นอกจากนี้ยังมีจุดขายที่การลุ้นไอศกรีมฟรีจากไม้เสียบที่หากมีสีแดงป้ายอยู่ก็จะได้กินฟรีอีกหนึ่งแท่งด้วย ซึ่งไอศกรีมแบบหลอดก็มีการพัฒนาจนมาเป็นไอศกรีมโบราณที่มีส่วนผสมของนมโดยมีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยม อาจทานเป็นแท่ง หรือตัดใส่ถ้วยรับประทานก็ได้
จากนั้นมาก็เป็นยุคของไอศกรีมแบบวัฒนธรรมตะวันตกแท้ ๆ จนถึงปัจจุบัน

ข้อดี ของ ไอศกรีม

ข้อดีของไอศกรีม
ประโยชน์ของไอศกรีมที่ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่ให้พลังงานและคุณค่าทางโภชนาการ เช่น โปรตีน และประโยชน์ของไอศกรีมที่มีผลต่ออารมณ์ที่ช่วยสร้างความสุขเมื่อรับประทานโภชนาการ ซึ่งส่วนผสมหลักในไอศกรีมคือ นม ที่อุดมด้วยโปรตีน อันเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอศกรีมที่มีนมเป็นส่วนผสมไอศกรีมแคลเซียมสูง    ได้ออกผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่เพื่อเป็นทางเลือกในการบริโภคแคลเซียมของเด็กไทย โดยปริมาณแคลเซียมที่อยู่ในไอศกรีม นั้นสามารถเปรียบเทียบได้กับปริมาณแคลเซียมในนม 1 แก้วซึ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ลูกรับประทานนมวันละ 2 แก้วอยู่แล้ว ไอศกรีมแคลเซียมสูง จะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากจะหาแรงจูงใจให้ลูกน้อยหันมากินนมแก้วที่ 3 ซึ่งเป็นการกินพร้อมไปกับไอศกรีมที่มีรสชาติอร่อยถูกใจเด็กๆ
แนะนำให้กินไอศกรีมกะทิแทนมื้อเที่ยงสักอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ข้อดีคือ ไอศกรีมดับกระหายได้ดีกว่าน้ำในหน้าร้อน เพราะมีน้ำซึ่งจับตัวเป็นน้ำแข็งอยู่ร้อยละ 65-70 แถมมีแคลอรีน้อยกว่าน้ำอัดลมด้วย และประการสุดท้าย ไอศกรีมนั้นเปรียบได้กับดนตรี เพราะสถานบันจิตวิทยาในลอนดอนบอกว่า ไอศกรีมช่วยลดความเครียดได้ประหนึ่งดนตรีที่ช่วยลดอุณหภูมิและทำให้เคลิบเคลิ้ม รู้อย่างนี้แล้วจะได้ลิ้มรสไอศกรีมกันอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวอ้วนกัน




สัมภาษณ์ เจ้าของธุรกิจไอศกรีมกะทิ









ไอศกรีมกะทิ Coconut Milk Ice Cream





ร้อนๆ แบบนี้มาหาอะไรคลายร้อนกันดีกว่าคะ

วันนี้เราจะมาสอนวิธีทำไอศครีมกะทิ(โบราณ) นะคะ 
       
ตอนนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็เจอแต่ไอร้อนที่พวยพุ่งขึ้นจากพื้นดิน ยังนับไม่รวมแสงแดดในช่วงกลางวันที่ร้อนจนทำให้หลาย ๆ คน แทบจะเป็นลมกันเลยทีเดียว วันนี้เราเลยมีเมนูไอศกรีมเย็น ๆ รสชาติกลมกล่อมแบบไทย ๆ มาฝากกัน นั่นคือ ไอศกรีมกะทิสูตรโบราณ ซึ่งสูตรนี้ไม่ต้องใส่นม หรือใส่ครีม ก็อร่อยล้ำ เย็นฉ่ำ ชื่นใจกันได้ง่าย ๆ แต่ก่อนอื่นต้องขอที่นำวิธีทำสุดแสนจะง่ายนี้มาแบ่งปันกัน ....เอาล่ะ อย่ารอช้า เรามาดูขั้นตอนการทำไอศกรีมกะทิกันเลยดีกว่า 

 มาดูส่วนผสมกันก่อนเลยคะ

ส่วนผสม
          1. กะทิกล่อง หรือกะทิกระป๋องสูตรเข้มข้น ขนาด 560 มิลลิลิตร    
          2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
          3. เกลือ ¾ ช้อนชา
          4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
          5. เนื้อมะพร้าวอ่อนขูดเป็นเส้น (มีหรือไม่มีก็ได้)

วิธีทำ

          1. เทกะทิทั้งหมด ผสมกับน้ำเปล่า 2 ถ้วย หรือถ้ามีน้ำมะพร้าว ก็ให้ใช้น้ำมะพร้าว กับน้ำเปล่าอย่างละ 1 ถ้วย เพื่อเพิ่มความหอมหวานของกะทิมากขึ้น  
          2. นำกะทิไปตั้งไฟ แล้วค่อย ๆ เทน้ำตาลทรายผสมลงไป จากนั้นคนให้เข้ากันจนกะทิเดือด 
          3. นำกะทิมาพักให้เย็น จากนั้นเทใส่ภาชนะที่เหมาะกับการแช่เย็น

4. นำภาชนะดังกล่าวไปแช่ในช่องแข็ง จนกะทิเริ่มแข็งตัว 
          5. ในการแช่กะทิ ให้สังเกตุว่ากะทิเริ่มเป็นเกล็ดหรือยัง หากเริ่มเย็นจนเป็นเกล็ดแล้ว สามารถนำออกจากตู้เย็น โดยไม่ต้องรอให้กลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งขั้นตอนนี้อาจใช้เวลานานพอสมควร
          6.นำกะทิดังกล่าวมาปั่น หากไม่มีเครื่องปั่นสำหรับทำไอศกรีม สามารถใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ธรรมดาแทนได้ค่ะ


ปั่นครั้งที่ 1

          นำกะทิใส่เครื่องปั่น และปั่นจนกว่าเนื้อไอศครีมจะละเอียด จากนั้นนำไปแช่ในช่องแข็งอีกรอบ

ปั่นครั้งที่ 2
          เมื่อเนื้อไอครีมที่ปั่นรอบแรกเริ่มเป็นน้ำแข็ง ก็ให้นำออกมาปั่นใหม่อีกครั้ง โดยคราวนี้ให้ใส่ไข่ขาวลงไป 1 ฟอง เมื่อเครื่องปั่นตีกะทิกับไข่ขาวจนเข้ากันแล้ว จะเห็นว่าเนื้อไอศครีมขาว และฟูขึ้น จากนั้นจึงนำไปแช่ในช่องแข็งอีกรอบ
ปั่นครั้งที่ 3
          นำไอศกรีมที่แช่จนเป็นเกร็ดแล้วมาปั่นอีกรอบ เพื่อให้เนื้อไอศกรีมเนียนฟูมากยิ่งขึ้น หากใครชอบทานไอศกรีมกะทิ แบบมีเนื้อมะพร้าวด้วย ให้นำเนื้อมะพร้าวอ่อนที่เราขูดไว้ มาผสมกับไอศกรีมกะทิที่ปั่นในรอบที่สาม แต่ในครั้งนี้ควรปั่นเพียงเล็กน้อยพอให้เนื้อมะพร้าวเข้ากันค่ะ หรือจะปั่นรอบที่สามให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อมะพร้าวแล้วปั่นอีกนิดก็ได้ค่ะ


เพียงแค่นี้ เราก็จะได้ไอศกรีมกะทิแสนอร่อย เอาไว้ทานเพื่อคลายร้อนกันแล้วล่ะ...อ้อ เคล็ดลับความอร่อยของไอศกรีมกะทิจะอยู่ที่การปั่นเนื้อไอศกรีมให้ละเอียด ยิ่งปั่นหลายรอบ เนื้อไอศกรีมก็จะยิ่งเนียนฟูมากขึ้น แต่วิธีที่เรานำมาฝากนี้จะเป็นแบบเร่งรัดจ้า

          ใครลองนำสูตรนี้ไปทำแล้วได้ผลอย่างไรบ้าง อย่าลืมแวะมาคุยกันบ้างนะจ๊ะ ขอให้ทุกคนอร่อยกับไอศกรีมกะทิสูตรโบราณจ้า